ส่วนหนึ่งขอกติดตั้ง Tracking โดยไม่ตัดสาย ไม่ต่อสาย ไม่เชื่อมสาย
ไม่ยุ่งกับสายเดิมมากับรถ ปลอดภัย ไม่กวนสัญาณ ![]() ThaiGPS update Interface ใหม่เพื่อใช้กับระบบ Tracking บน Smartphone ThaiGPS ได้ update Tracking Web สำหรับ Smart Phone และ Tablet เป็น Version ใหม่ (v4.0.0.1958 Released: 2014-11-11) ซึ่งจะมีความสามารถมากกว่า Mobile Web Version เดิมบน เช่น - Support for Tablet/landscape mode หน้าจอแนวนอนแสดงผลได้ดีขึ้น - Full fleet view (see all vehicles on map) แสดงตำแหน่งรถได้หลายๆคัน พร้อมกันบนแผนที่ - Map-centric design with more information available in tabs ใช้หน้าแผนที่เป็นหน้าหลัก สามารถเลือกรถบนแผนที่ แล้วเปิดแถบ Info หรือ กดที่ตัว "i" เพื่อดูข้อมูล - Support for translation รองรับได้หลายภาษา - Now a home screen compatible web app (except iOS8) รองรับการ add Web App เป็น icon ในหน้า Home Screen ได้ (ยกเว้น ios8) ![]() - Ability to bookmark tabs inside the application สามารถสร้าง bookmark ไปยัง แต่ละ Tab ภายใน web app ได้ - Customizable Vehicle List view สามารถตั้งค่า Vehicle List View ให้แสดงผลเรียงตาม date, ชื่อรถ, ชื่อ user, alarm ได้ และสามารถเลือก Info ในส่วน detail ของรถ (บรรทัดล่าง) ให้แสดงเป็น สถานที่ใกล้เคียง - Activity, Speed ได้ และเลือกการแสดง label ของรถให้แสดงเป็นชื่อรถ หรือชื่อ user ได้ - Low performance mode and settings for older devices or low bandwidth environments สามารถตั้งค่าการแสดงผลให้เหมะกับ performance ของ smart phone ได้ เช่น เมื่อเข้าโปรแกรมให้แสดง vehicle list ก่อน หรือจำกัดจำนวนรถบนแผนที่ สำหรับ smart phone performance ต่ำได้ - New filtering and sorting capabilities for finding vehicles ค้นหา และเรียง รถที่แสดงใน vehicle list ได้ - Support for plugins. eg: Dispatch รองรับการทำงานร่วมกับ ระบบ Dispatch ![]() Browser ที่แนะนำสำหรับ Smart Phone Version Safari บน iOS 6 หรือใหม่กว่า Android Chrome browser Windows Phone 8.1 ![]() ซีซีเอ็มฯ เข้าร่วมโครงการ "Buy Thai First เชื่อไทย ซื้อไทย" โดยได้ผ่านข้อกำหนดและการตรวจสอบของโครงการ และได้รับสิทธิ์ในการใช้ตราสัญลักษณ์ Thailand Software Yes โดยสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA และ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อปลุกจิตสำนึกและสร้างค่านิยมของการใช้สินค้าไทยอย่างถูกต้อง โดยมีซอฟต์แวร์เป็นสินค้านำร่อง และเชิดชูองค์การที่เป็นตัวอย่างของความเชื่อมั่น และนำซอฟต์แวร์ไทยไปใช้ 2. เพื่อขยายผลการนำแนวคาวมคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ 3. เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย ให้ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ภายในประเทศภายใต้การรับรองจากสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย 4. เพื่อขยายความต้องการใช้ซอฟต์แวร์ไทยลงสู่ทุกระดับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดแรงผลักดันให้เกิดการลงทุนในการสร้างตลาด พัฒนาเทคโนโลยี บุคลากร เพื่อพร้อมเ็ป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ 5. เพิ่มความต้องการที่จะซื้อใช้้ซอฟต์แวร์ไทยที่มีลิขสิทธฺ์ถูกต้องภายในองค์กรต่างๆ มากขึ้น 6. เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวคิด และประสบการณ์นำซอฟต์แวร์ไปใช้จริงในแต่ละรายกลุ่มอุตสาหกรรม 7. รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไทย ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไทย และสถานที่จำหน่ายซอฟต์แวร์ไทย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย กลุ่มผู้ใช้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งในกลุ่มภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กลุ่มภาคการศึกษา สถาบันการศึกษาต่างๆ สถานทูต หน่วยงานผู้แทนองค์กรการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งหน่วนงานและสมาคมทางด้านอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์ Thailand Software Yes นี้ ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของโครงการ โดยมีนัยว่าบริษัทที่มีตราสัญลักษณ์นี้ ได้ผ่านข้อกำหนดและการตรวจสอบของโครงการ และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ![]() นายพินิจ คำปู่ รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า บขส.ได้ติดตั้งระบบติดตามรถผ่านดาวเทียม (จีพีเอส) บนรถโดยสารของบขส. ครบทั้ง 796 คันแล้ว จึงสามารถควบคุมการใช้ความเร็วของพนักงานขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะหากใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะมีสัญญาณแจ้งเตือนให้ทราบทันที หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ เช่น การตัดเงินเดือน และร้ายแรงสุดถึงขั้นไล่ออก ทั้งนี้ ระบบของ บขส.จะเชื่อมต่อเข้ากับระบบของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดังนั้น ขบ.จะทราบข้อมูลของรถทุกคันที่วิ่งให้บริการขณะนั้นว่าใช้ความเร็วเท่าไหร่ด้วย จึงช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ “ตอนนี้รถโดยสารของ บขส. จะใช้ความเร็วเฉลี่ย 90-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลดลงจากเดิมที่ใช้ความเร็วตั้งแต่ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป เพราะจีพีเอส จะรู้พิกัดรวมถึงความเร็วของรถแต่ละคัน หากขับเร็วจะถูกแจ้งเตือนทันที ซึ่งจะลดการร้องเรียนการให้บริการไม่ปลอดภัยของผู้โดยสารได้ แต่ก็มีการร้องเรียนว่าถึงจุดหมายล่าช้าแทน ส่วนรถร่วม บขส.ที่มีอยู่ประมาณ 6,000 คัน จะติดตั้งจีพีเอสให้แล้วเสร็จภายในปีนี้เช่นเดียวกัน” นายพินิจกล่าว ข้อมูล: ข่าวสด ภาพ: Post Today ![]() นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมขนส่งทางบก ตรวจสอบจำนวนรถตู้เถื่อนที่วิ่งให้บริการอยู่ รวมถึงข้อมูลความต้องการของผู้โดยสารว่ามีมากเกินกว่าจำนวนรถตู้ที่ถูกกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าความต้องการสูงกว่าก็จะพิจารณาเปิดรับจดทะเบียนรถตู้เถื่อนเข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกกฎหมายแทน ซึ่งช่วยภาครัฐเข้าไปดูแลและกำหนดให้ติดตั้งระบบจีพีเอสได้ง่ายขึ้น โดยจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน ส่วนการชดเชยค่าเสียหายแก่ผู้เสียชีวิต จะได้รับประกันจากภาคบังคับ 2 แสนบาท และประกันเพิ่มเติมของรถตู้อีก 3 แสนบาท รวมเป็น 5 แสนบาท คนเจ็บจ่ายตามจริง นอกจากนี้ จะรณรงค์แจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้บริการว่า หากใช้บริการรถตู้ผิดกฎหมายจะมีความเสี่ยงมากกว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นความรับผิดชอบจะไม่เหมือนกับรถที่ถูกกฎหมายที่มีการบังคับเงื่อนไขเรื่องของการทำประกัน การดูแลรับผิดชอบ ตลอดจนการคุมเข้มในเรื่องมาตรฐานของรถ การดูและเรื่องการตรวจสภาพรถต่างๆ "การแก้ปัญหารถตู้ในภาพรวมพบปัญหา 3 ข้อ คือ รถตู้เถื่อน รถตู้ที่วิ่งเร็วและบรรทุกผู้โดยสารเกิน รถตู้ที่ทำผิดวินัยจราจรจร โดยจะไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปควบคุมดูแล รวมทั้งปัญหาการแอบอ้างชื่อของผู้มีอิทธิพลหรือคนมีสีต่างๆ ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้การเข้าไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทำได้ยาก จึงต้องประสานกับหน่วยงานต่างๆเพื่อเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจัง" ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นพบว่ารถตู้เถื่อนที่วิ่งอยู่ในขณะนี้มีประมาณ 500 คัน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากกรมขนส่งทางบกได้มีการระงับการรับจดทะเบียนรถตู้ป้ายเหลืองแต่ความต้องการใช้บริการมีมากกว่าทำให้รถตู้เถื่อนเกิดขึ้น ซึ่งตามขั้นตอนรถตู้ที่จะได้รับอนุญาตได้รับป้ายเหลือจะต้องเสียค่าแรกเข้าคันละ 4 หมื่นบาท และเสียค่าธรรมเนียม (ค่าขา) คิดในอัตราเท่ากับค่าโดยสาร 1 ที่นั่งต่อวัน ซึ่งอัตราจะไม่เท่ากันแตกต่างกันตามแต่ละเส้นทาง นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวว่า รถตู้วิ่งให้บริการในปัจจุบันมีกว่า 10,400 คัน แบ่งเป็น หมวด 1รถตู้ร่วมบริการ ขสมก. วิ่งให้บริการในกทม.และปริมณฑล 128 เส้นทาง 5,400 คัน และรถตู้หมวด 2 วิ่งให้บริการระหว่างจังหวัดในรัศมีไม่เกิน 300 กิโลเมตร 61 เส้นทางอีกกว่า 5,000 คัน อย่างไรก็ดี จำนวนรถตู้ที่จดทะเบียนถูกกฎหมายหรือป้ายเหลืองนั้น มีไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ ดังนั้นภายใน 1 เดือน จะร่วมกับทาง บขส.ในการสำรวจเพื่อหาตัวเลขจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถตู้ในแต่ละเส้นทางกับจำนวนรถในระบบเป็นอย่างไร รวมทั้งการวิเคราะห์หาจำนวนรถตู้เถื่อนที่วิ่งอยู่ในปัจจุบัน ขอขอบคุณ: เดลินิวส์
|
AuthorThaiGPS News / Blog Archives
February 2016
Categories |